ศัลยกรรมตกแต่ง คือ การผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังและอวัยวะที่ผิวหนังห่อหุ้ม เพื่อทำให้รูปร่าง (form) และรูปหน้าที่ (function) ดีขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวอาจเป็นความผิดปกติหรือผิดรูปมาแต่กำเนิด หรือเป็นภาวะที่เกิดขึ้นภายหลัง เช่น การประสบอุบัติเหตุ โรคความเสื่อมถอย (degeneration) และการมีอายุมากขึ้น (aging)
ศัลยกรรมตกแต่งแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ ดังนี้
- ศัลยกรรมตกแต่งซึ่งเป็นสาขาวิชาหนึ่งของศิลยศาสตร์ คือ วิชาที่เกี่ยวกับการผ่าตัดซึ่งจะเน้นไปในเรื่องของการผ่าตัดเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา เป็นการผ่าตัดที่แก้ไขความผิดปกติที่มีมาแต่กำเนิดหรือจากอุบัติเหตุ
- ศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวย(Cosmetic Plastic Surgery) คือ การผ่าตัด เพื่อความสวยความงามเพื่อให้คนที่ปกติดูดีขึ้นมาได้ และผู้ที่มีอายุมากขึ้นทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นมาได้
ปัจจุบัน การทำศัลยกรรมตกแต่งกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพราะใคร ๆ ก็อยากมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม มีความมั่นใจยามพบปะผู้คนหรือเข้าสังคม ทำให้มีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานมากขึ้น สาวๆ หนุ่ม ๆ ที่อยากปรับรูปลักษณ์ของตนเองให้ดูดีขึ้น เพื่อให้บุคลิกรูปร่างหน้าตาสวย-หล่อ เป็นที่ประทับใจ ก็สามารถทำได้
การทำศัลยกรรม ควรเริ่มทำที่อายุเท่าไหร่
ควรเริ่มทำเมื่ออายุ 18 ปีขึ้นไป เพราะถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว สามารถตัดสินใจด้วยตัวเองได้ มีวิจารณญาณแล้วว่า อันไหนดีหรือไม่ดี มีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร และที่สำคัญคือ เราต้องดูว่าอวัยวะต่าง ๆ เจริญเติบโตเต็มที่แล้วหรือยัง เช่น การทำจมูก การตัดกราม หรือที่เกี่ยวกับโครงสร้างบนใบหน้า ควรจะทำเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว คือ ประมาณอายุ 18 ปี จะได้ไม่ต้องมาแก้บ่อย ๆ
ทำศัลยกรรมอย่างไร จึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
- การทำน้อยเราควรจะทำในจุดที่เรามีปัญหาจริง ๆ ยิ่งทำน้อยยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
- การรู้จักเลือกก่อนที่ท่านจะทำศัลยกรรมท่านจะต้องเลือกสถานที่ เลือกแพทย์ที่ต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และวัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ในเรื่องของความปลอดภัยและราคาก็ต้องเลือกให้เหมาะสม
- ความพอดีเพราะบางคนก็ทำอะไรที่มากเกินไป เช่น การเสริมจมูก อยากจะเสริมโด่งเกินไป หรือการเสริมหน้าอกก็อยากจะทำใหญ่ๆ จนเกินโครงสร้าง ตอนแรกๆ อาจจะสวย แต่ในระยะยาวจะมีผลแทรกซ้อนเยอะ ดังนั้นการทำศัลยกรรมที่ดีควรทำให้พอดีกับร่างกายด้วย
การเตรียมตัวก่อนทำศัลยกรรมตกแต่ง
- ท่านจะต้องได้รับการตรวจสุขภาพก่อนผ่าตัด เพราะบางโรคมีผลต่อการศัลยกรรมตกแต่ง
- หากท่านมีโรคเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือแผลหายยาก ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- ท่านจะต้องแจ้งโรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยากิน ยาชา ยาสลบ ให้แพทย์ทราบ
- ท่านจะต้องแจ้งข้อมูลการมีประจำเดือน เนื่องจากป้องกันผลกระทบต่อการตั้งครรภ์
- หลีกเลี่ยงผ่าตัดในบริเวณใกล้เคียงที่มีการติดเชื้อ
- ก่อนและหลังผ่าตัดท่านจะต้องงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ก่อนทำการผ่าตัดท่านจะต้องงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์
- ก่อนทำการผ่าตัดให้ท่านหยุดทานอาหารเสริม เช่นวิตามินอี และหยุดยาในกลุ่มที่มีผลต่อการหยุดเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ท่านจะต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 – 8 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
- งดการใช้โลชั่นในเช้าวันที่จะทำการผ่าตัดบริเวณลำตัว
- งดการแต่งหน้าก่อนการผ่าตัดบริเวณใบหน้า
- แนะนำให้ท่านสวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม ๆ เพื่อความสะดวกในการใส่และถอด
การดูแลตัวเองหลังจากศัลยกรรม
- การประคบเย็น (Cold compression)
หลังจากการทำศัลยกรรมเสร็จควรประคบเย็นทันที เพราะความเย็นจากการประคบเย็นจะเข้าไปทำให้เส้นเลือดที่บริเวณดังกล่าวเกิดการหดตัว และเลือดมีการแข็งตัวทำให้ไหลช้าลด จึงสามารถช่วยลดการไหลของเลือดที่บริเวณที่เกิดแผล และยังช่วยลดอาการบวม
วิธีการประคบเย็น โดยเริ่มจากนำ ผ้ามาห่อน้ำแข็ง อุปกรณ์ให้ความเย็น (Hot cold pack) กระเป๋าน้ำเย็น ผ้าเย็น มาประคบที่บริเวณทำศัลยกรรม เช่น คาง แก้ม จมูก เต้านม เป็นต้น การประคบเย็นควรประคบในช่วง 3 วันแรกหรือจนอาการบวมเริ่มลดลง
- การประคบร้อน (Warm compression)
หลังจากทำศัลยกรรม ประมาณ 4 – 5 วันหรือหลังจากทำการประคบเย็นแล้วจนแผลและบริเวณทำการศัลยกรรมมีอาการบวมน้อยลง ความร้อนจากการประคบร้อนจะเข้าไปทำการขยายหลอดเลือดส่งผลให้เลือดสามารถหมุนเวียนได้ดีขึ้น แผลจะหายกลับเข้าสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น
โดยเริ่มจากการเตรียมอุปกรณ์ประคบร้อน เช่น ถุงน้ำร้อน กระเป๋าน้ำร้อน เป็นต้น นำไปประคบที่บริเวณทำศัลยกรรมควรทำวันละ 2-3 รอบ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์จะเข้าไปกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปทั่วร่างกาย ซึ่งทำให้เลือดไหลเข้าสู่บริเวณแผลของการทำศัลยกรรมทำให้เกิดการบวมเพิ่มขึ้น ดังนั้นหลังจากทำศัลยกรรมควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จนกว่าจะแผลจะหายบวมและปากแผลปิดสนิท - รับประทานอาหารอ่อน
ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีรสชาติอ่อนไม่เผ็ด ไม่เค็มหรือหวานจัด และควรเลือกรับประทานอาหารอ่อนที่ไม่ต้องทำการเคลื่อนไหวอวัยวะภายในปากมาก เช่น ต้มจืด โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำซุป เป็นต้น เพื่อป้องกันการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในขณะที่ทำการเคี้ยวหรือการกระทบกันของฟันจะทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นแรงสะเทือนจนเกิดการอักเสบ - งดสูบบุหรี่
ควรงดสูบบุหรี่หลังการทำศัลยกรรม อย่างน้อย 7 วัน เพราะในบุหรี่มีสารนิโคติน ( Nicotine ) ที่สามารถซึมผ่านทางเนื้อเยื่อผิวหนังเข้าสู่ภายในร่างกายและออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ส่งผลให้เกิดอาการบวมและมีความเสี่ยงในการอักเสบมากขึ้นจากสารพิษที่อยู่ในบุหรี่อีกด้วย - ทานยาตามกำหนด
หลังจากที่ทำการศัลยกรรม แพทย์จะให้ยารับประทานเพื่อลดอาการอักเสบ ลดบวมแก่ผู้เข้ารับการศัลยกรรม ดังนั้นให้ผู้ทำศัลยกรรมรับประทานยาตามที่แพทย์กำหนดมาจนหมด เพราะการรับประทานยาตามกำหนดจะช่วยให้แผลหายเร็ว และลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อน
บทสรุป
ศัลยกรรมตกแต่ง เป็นการทำให้รูปร่าง และหน้าตาดูดีขึ้น ซึ่งในยุคนี้ศัลยกรรมแทบจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้ที่รักความสวยความงาม แต่ก่อนที่ท่านจะเข้ารับการใช้บริการท่านควรจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็นสถานบริการ หรือแพทย์ที่ให้บริการซึ่งจะต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงของตัวท่านเอง