ศัลยกรรม เป็นการศัลยกรรมลำดับต้น ๆ สำหรับคนไข้ที่ต้องการทำศัลยกรรมหน้าเรียว เพราะว่าเรามีความเชื่อว่า การทำคางที่ยาวขึ้นจะมีผลให้รูปหน้าของเราดูดีขึ้น สถานพยาบาลทั่ว ๆ ไปก็มีบริการเสริมคาง ทำคาง และ รีวิวเสริมคาง ให้คนไข้ได้ตัดสินใจมีอยู่มากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ดีว่า สิ่งจำเป็นกว่าวิธีการทำคางหรือเสริมคางนั่นคือ สัดส่วนที่พอดีระหว่างคางและบริเวณใบหน้าส่วนอื่น ๆ โดยหลักพิจารณาบริเวณใบหน้าสมส่วน จะพิจารณาด้วยกัน 3 องค์ประกอบ คือ โหนก กราม และ ส่วนคาง ในกรณีที่คนไข้กังวลส่วนใดส่วนหนึ่ง แพทย์จะพิจารณาร่วมกับโหนกและกรามด้วย เพื่อให้บริเวณใบหน้าออกมาเพอร์เฟ็คที่สุด
เสริมคางช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง ?
- ช่วยให้หน้าเรียว
- ช่วยปรับให้รูปหน้ามีมิติมากขึ้นเรื่อย ๆ
- แก้ไขคางสั้น
- แก้ไขคางยุบ
การเสริมคางเหมาะกับใคร
เหมาะกับผู้ที่มีบริเวณใบหน้ากลม คนอ้วน หรือมีรูปทรงของบริเวณใบหน้าไม่สมดุล โดยมีโครงหน้าส่วนบน เช่น หน้าผาก หรือโหนกแก้มที่ยื่นออกมา แต่กลับมีคางที่สั้น การศัลยกรรมคาง จะช่วยให้บริเวณใบหน้าดูมีมิติมากขึ้นเรื่อย ๆ และก็เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้มีความรี ดูเป็นรูปไข่ ให้สอดรับกับความนิยมคนในปัจจุบัน นอกจากนั้นเสริมคางยังเป็นการส่งเสริมบุคลิกภาพได้อีกทางหนึ่งด้วย
การเสริมคางไม่ควรทำกับผู้ที่อายุน้อยกว่า 17 ปี ที่การพัฒนาการของกระดูกยังคงมีต่อเนื่องได้บ้างในบางคน ทั้งที่กระดูกควรปิดได้แล้วเมื่อวัน 15 ปี ในทางตรงกันข้ามผู้ที่อายุมากกว่า 55 ปีก็ควรจะพิจารณาถึงปัจจัยเรื่องความแข็งแรงของกระดูกที่รองรับซิลิโคน ที่อาจจะทำให้มีผลต่อการคงอยู่และก็รูปร่างของการเสริมคาง ในอนาคต
การศัลยกรรมคางมีกี่แบบ
การศัลยกรรมคางมีอยู่ 2 แบบ ดังนี้
1.การเสริมคางด้วยซิลิโคน
โดยการเสริมคางด้วย ซิลิโคนจะมีการเปิดแผลทางด้านในโพรงปากแล้วก็ข้างนอกรอบ ๆ ใต้คาง แต่ผลลัพธ์ไม่ว่าจะเป็นการเสริมทั้งด้านในหรือด้านนอกก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ไม่ถาวรสมบูรณ์ ในอนาคตคนไข้อาจเกิดปัญหาของเนื้อเยื่อภายใน หรือปัญหาซิลิโคนห้อยทำให้คางเบี้ยว หรือเนื้อคางดูกว้างหนา
2.การเสริมคางด้วยกระดูกตัวเอง
การเลื่อนตัดกระดูกคาง เป็นการตัดกระดูกคางแล้วเลื่อนกระดูกให้ขยับมาชิดกัน ทำให้ช่วงคางเรียว ลดความกว้างของคาง และสามารถแก้ปัญหาคางถอยเกินความจำเป็น หรือคางยื่นเกินความจำเป็นให้อยู่ในระดับที่พอดีได้ เป็นการตัดที่เลี่ยงเส้นประสาทรอบ ๆ คาง แล้วก็ตัดเป็นรูปตัว T W ตามสมควรของเคสนั้น ๆ ในบางครั้งอาจใช้กระดูกที่เหลือจากการตัดฟันกรามมาต่อรอบ ๆ ปลายคางได้ด้วย ในกรณีที่คนไข้ทำการตัดฟันกรามร่วมด้วยและคางมีความสั้นเกินความจำเป็น
วิธีดูแลตัวเองหลังเสริมคาง
- หลังผ่าตัดจะมีอาการบวม จึงควรประคบเย็นอย่างน้อย 48 ชั่วโมง โดยอาการบวมจะค่อย ๆ ลดน้อยลงประมาณ 2 อาทิตย์
- หมั่นบ้วนปากด้วยน้ำที่สะอาด น้ำเกลือ หรือน้ำยาบ้วนปาก ทุก 2-3 ชั่วโมงแล้วก็ทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อเป็นการรักษาความสะอาดในช่องปาก
- ควรจะกินอาหารที่เคี้ยวง่าย อาทิเช่น อาหารอ่อนหรืออาหารเหลว และก็หลีกเลี่ยงการขยับปากในช่วงแรก
- หลังการผ่าตัดในภายในช่วง 2 อาทิตย์แรก ควรจะงดกิจกรรมที่ทำให้รอยแผลกระทบกระเทือน อาทิเช่น การวิ่ง กระโดด แล้วก็ห้ามเท้าคางเด็ดขาด
- ช่วงแรก ๆ ให้นอนหงาย และก็หนุนหมอนสูง ๆ เพื่อลดอาการบวม และเลือดคั่ง
- งดกินอาหารรสจัด อาหารร้อน ของดอง และอาหารที่ต้องใช้แรงเคี้ยว รวมถึงงดของกึ่งสุกกึ่งดิบเพราะว่าอาจมีเชื้อโรคปนเปื้อนได้
- ดื่มน้ำมาก ๆ โดยควรจะใช้หลอดดูด เพื่อลดการขยับคาง
- งดการสูบบุหรี่และก็การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เลือดสูบฉีดขึ้นบริเวณใบหน้ามาก จะมีผลให้หน้าบวมได้
- ควรจะทานยาตามที่หมอสั่ง พร้อมดูแลแผลอย่างเคร่งครัด จะช่วยทำให้แผลหายเร็วยิ่งขึ้น
- ถ้าเกิดมีอาการแตกต่างจากปกติจากการศัลยกรรม หรือสงสัยว่าตนเองมีอาการไม่ปกติ ควรจะรีบไปพบหมอโดยทันที
หากคุณต้องการทำศัลยกรรมไม่ว่าจะศัลยกรรมใบหน้า ศัลยกรรมหน้าอก ศัลยกรรมจมูก หรือศัลยกรรมคางสิ่งแรกที่คุณต้องทำคือปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญ และหาโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เพื่อผลลัพธ์คุณต้องการค่ะ