รอยแผลเป็นของแต่ละคนไม่เหมือนกันบางคนรอยแผลเกิดจากอุบัติเหตุ บางคนรอยแผลเกิดจากการฉีกขาด ซึ่งรอยแผลเหล่านี้อาจทำให้เป็นรอยแผลเป็นลึกและนูนได้ การแก้ไขหรือการศัลยกรรมแผลเป็นนั้นแนะนำให้ท่านปรึกษาศัลยแพทย์เพื่อให้ท่านได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
ผู้ที่เหมาะสมสำหรับที่จะทำการแก้ไขรอยแผลเป็น
ต้องบอกให้ทุกคนที่มีรอยแผลเป็นและต้องการไขรอยแผลเป็นนั้นว่า การแก้รอยแผลเป็นนั้นไม่สามารถที่จะแก้ได้ทั้งหมด หากคุณต้องการที่จะแก้รอยแผลเป็นจริง ๆ หมอศัลยกรรมจะทำให้ดีที่สุด
ข้อจำกัดในการผ่าตัดแก้รอยแผลเป็น
การผ่าตัดเพื่อความงามหรือแก้ไขรอยต่าง ๆ ไม่สามารถจะทำได้ครบถ้วน เพราะการผ่าตัดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่นลักษณะของผิวหนัง อายุ รูปทรง เป็นต้น
การวางแผนการผ่าตัดรอยแผลเป็น
การเลือกหมอศัลยกรรมที่จะมาผ่าตัดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะหมอที่จะทำการผ่าตัดมีทั้งหมอธรรมดา หมอศัลยกรรมทั่วไป และหมอศัลยกรรมตกแต่ง ดังนั้นการเลือกหมอคุณต้องเลือกหมอศัลยกรรมตกแต่งโดยเฉพาะ เมื่อคุณได้แล้วคุณควรปรึกษาหมอว่าสิ่งทีคุณต้องการแก้ไขนั้นสามารถแก้ไขได้มากหรือน้อย ซึ่งหมอจะให้คำแนะนำคุณอย่างถูกต้อง
วิธีผ่าตัดรอยแผลเป็น
การทำศัลยกรรมแผลเป็นมีหลายเทคนิคขึ้นอยู่กับรอยแผลเป็นเช่น
Pressure bandage, Steroids injection และวิธีการผ่าตัด A Z-Plasty และวิธีการผ่าตัดแก้รอยแผลเป็นส่วนใหญ่จะได้ผลดี เพราะรอยแผลเป็นสามารถหายสนิทหากรอยแผลเป็นนั้นเกิดจากอุบัติเหตุ และการแก้ไขนี้สามารถทำได้ด้วยการฉีดยาชา
หลังผ่าตัดแก้รอบแผลเป็น
หลังผ่าตัดหมอจะทำการนัดคุณมาดูแผลประมาณ 5 วันหลังจากที่ได้แก้ไขรอยแผลเพื่อตรวจดูแผล การผ่าตัดหมอจะใช้ไหมละลาย เมื่อไหมละลายหมดแล้วแผลจะเป็นสีแดงและหายเป็นปกติภายใน 6 เดือน
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด
1.อาบน้ำ ล้างหน้า ถูสบู่ถูกบริเวณแผลได้ ในวันที่ 3
2.หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลถูกแดด โดยเฉพาะในช่วง 3 สัปดาห์แรก หรือใช้โลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF
3.ในบางตำแหน่งที่มีการขยับเขยื้อนมาก เช่น บริเวณรอบปาก อาจจะใช้เทปปิดยึดบริเวณแผลไม่ให้แผลยืดออก
4.หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ ใช้มือนวดที่บริเวณแผลบ่อย ๆ (เช้าหรือเย็น) ช่วยให้แผลเป็นนิ่มและเข้าที่ได้เร็วขึ้น
5.ระยะเวลาตัดไหม มีดังนี้
- บริเวณหน้า 5 วัน
- บริเวณแขน 7 วัน
- บริเวณลำตัวและขา 10 – 14 วัน
วิธีรักษาแผลเป็นด้วยวิธีธรรมชาติ
การรักษาแผลเป็นบางวิธีอาจมีราคาแพงมาก แต่ว่าถ้าเกิดแผลเป็นมีขนาดไม่ใหญ่มาก อาจปล่อยให้รอยแผลค่อย ๆ จางลงเองตามธรรมชาติ โดยแผลเป็นบางทีอาจหดและจางลงได้เองในระดับหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี หรืออาจรักษาโดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ ที่สามารถจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าแล้วก็สร้างเซลล์ผิวใหม่บริเวณที่เกิดแผลได้ดียิ่งขึ้น และวิธีรักษารอยแผลเป็นด้วยวิธีธรรมชาติสามารถทำได้ดังต่อไปนี้
1. ว่านหางจระเข้
อีกหนึ่งสุดยอดสมุนไพรท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการช่วยลบรอยแผลเป็นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งรอยแผลที่เพิ่งจะกำเนิดใหม่ ว่านหางจระเข้จะช่วยฟื้นฟูรอยแผล ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น ทั้งยังช่วยลดอาการแสบร้อน และก็อาการคัน วิธีการใช้เพียงแค่นำวุ้นจากว่านหางจระเข้มาทาบริเวณแผลเป็น ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้แห้งเพื่อตัวยาซึมซาบลงสู่ผิว สามารถทำซ้ำได้วันละหลาย ๆ ครั้ง จะรู้สึกได้ว่าแผลเป็นนุ่มขึ้น มีขนาดเล็กแล้วก็จางลง
2. น้ำมะนาว
น้ำมะนาวมีคุณสมบัติช่วยทำให้ปรับแผลเป็นนุ่มลง เนื่องจากในน้ำมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลบรอยแผลเป็นต่าง ๆ ได้ดี ทั้งนี้น้ำมะนาวยังช่วยฟื้นฟูแล้วก็รักษารอยแผลได้อีกด้วย วิธีใช้เพียงแค่คั้นน้ำมะนาวจำนวนหนึ่งแล้วนำไปทาบริเวณรอยแผล ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที ต่อจากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดให้แห้งแล้วทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น ทำบ่อยเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน จะช่วยทำให้แผลเป็นค่อย ๆ ดียิ่งขึ้นค่ะ
3. แอปเปิลไซเดอร์
น้ำส้มสายชูหมัก หรือแอปเปิลไซเดอร์ มีคุณสมบัติที่ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็นได้ดี โดยช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า เปิดเผยผิวใหม่ที่ดียิ่งขึ้นและก็นุ่มขึ้น เพียงแค่นำสำลีจุ่มลงในน้ำส้มสายชู หรืออาจผสมกับน้ำดื่มก่อนสักเล็กน้อย แล้วนำไปทาบริเวณรอยแผลเป็น ทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาทีและก็ล้างออก ทาซ้ำประมาณวันละ 3-4 ครั้ง สม่ำเสมอประมาณ 2 อาทิตย์ จะมีความรู้สึกว่าแผลเป็นนุ่มขึ้นแล้วก็ค่อย ๆ เล็กลงค่ะ
4. กระเทียม
กระเทียมมีคุณสมบัติช่วยปกป้องเชื้อรา ฆ่าเชื้อโรค ช่วยต้านการอักเสบของรอยแผล ทั้งยังช่วยลดขนาดของรอยแผลนูนได้อย่างดี เพียงแค่นำกระเทียมมาบดให้ละเอียดแล้วนำไปพอกรอบ ๆ รอยแผล ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดผิวให้แห้งแล้วทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุง ทำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง สม่ำเสมอเป็นเวลา 1 เดือน จะช่วยทำให้รอยแผลนูนดูเล็กและจางลงค่ะ
5. หอมหัวใหญ่
หัวหอมนิยมประยุกต์ใช้เป็นสารสกัดสำหรับการลดรอยแผลเป็นมากที่สุด เนื่องจากในหัวหอมมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีคุณสมบัติสำหรับในการสร้างเนื้อเยื่อ อีกทั้งช่วยต่อต้านการอักเสบของแผล แล้วก็ช่วยลดรอยแผลเป็นให้จางลงได้ เพียงแค่หั่นหัวหอมเป็นแผ่น ๆ แล้วนำไปใส่ในผ้าขาวบางแล้วบดให้ละเอียดจนได้น้ำหอมหัวใหญ่ออกมา แล้วจึงใช้สำลีชุบน้ำหัวหอมแต้มไปที่รอยแผล ทิ้งเอาไว้จนกระทั่งแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น สามารถทำซ้ำได้วันละ 3-4 ครั้งสม่ำเสมอเป็นเวลา 1 เดือน หรือจนกว่ารอยแผลนูนจะค่อย ๆ ดียิ่งขึ้น
6. น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งบริสุทธิ์นับว่าเป็นมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติที่ช่วยทำให้ความชื้นแก่ผิว อีกทั้งช่วยลดรอยแผลเป็น ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต แล้วก็ปกป้องการสร้างคอลลาเจนในปริมาณที่มากเกินไป เพียงแค่นำน้ำผึ้งดิบมาทาบริเวณแผล แล้วนวดวนเป็นวงกลมประมาณ 10 นาที แล้วหลังจากนั้นทิ้งเอาไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง จึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันหลาย ๆ อาทิตย์ จะช่วยลดรอยแผลเป็นให้ดูเล็กแล้วก็จางลงค่ะ
7. ผงไม้จันทน์
ผงไม้จันทน์มีคุณสมบัติสำหรับการช่วยรักษารอยแผลเป็นให้กลับสู่สภาพเดิม โดยผสมผงไม้จันทน์ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเปล่าปริมาณหนึ่ง ผสมให้ข้นเป็นเนื้อเดียวกัน ต่อจากนั้นเอามาพอกไว้ที่รอยแผลเป็น ทิ้งเอาไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำซ้ำบ่อย ๆ ทุกวัน เป็นเวลา 1-2 เดือน จะรู้สึกได้ว่ารอยแผลนูนค่อย ๆ เล็กแล้วก็จางลงค่ะ
8. ใบบัวบก
ใบบัวบกมีคุณสมบัติที่ช่วยสำหรับการรักษาแผล เร่งการผลิตเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายไว แถมยังช่วยลดรอยแผลเป็นได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพียงแค่ใช้ใบบัวบกสด 1 กำมือ ล้างให้สะอาดแล้วเอามาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำแล้วเอามาทาบริเวณรอยแผล นอกจากจะช่วยทำให้แผลหายสนิทแล้ว ยังช่วยทำให้รอยแผลเป็นนูนค่อย ๆ จางลงอีกด้วย
การรักษารอยแผลเป็นหรือการทำศัลยกรรมแผลเป็นสามารถทำได้หลายวิธีอยู่ที่ว่าคุณต้องการที่จะทำแบบไหนการรักษารอยแผลเป็นอาจจะใช้เวลานานแต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีแน่นอน และการรักษารอยแผลเป็นด้วยการทำศัลยกรรมก็สามารถทำให้รอยแผลหายเร็วภายในไม่กี่วันแต่ก็ต้องเสียเงินในการทำที่มากอยู่การอยู่ที่ว่าคุณต้องการทำแบบไหนเพื่อผลลัพธ์ที่คุณต้องการ